การดูดไขมัน ต้องทำอย่างระวัดระวัง

หลายๆ คนที่กำลังมีความคิดถึงเรื่องการดูดไขมัน ซึ่งเป็นวิธีการลดความอ้วนวิธีหนึ่ง และเป็นอีกหนึ่งทางลัดในการทำให้คุณมีรูปร่างที่ดูดีขึ้น กับคำถามที่ว่า การดูดไขมันนั้นมีผลอันตรายกับร่างกายไหม ในวันนี้เราก็ได้มีคำตอบที่ยังค้างคาใจมาตอบให้กับทุกๆ ท่านให้หายข้องใจกันไปเลยค่ะ ซึ่งการดูดไขมันนั้นจัดเป็นเทคนิคการลดความอ้วนที่สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินหรือไขมันสะสม ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ส่วนไหนของร่างกายก็ตาม การดูดไขมันนั้นก็สามารถช่วยคุณได้ แต่การดูดไขมันจะส่งผลอันตรายกับร่างกายไหมนั้น เรามาดูคำตอบกันเลยดีกว่าค่ะ

การดูดไขมันส่งผลอันตรายกับร่างกายไหม ?

การดูดไขมันนั้น จัดเป็นเทคนิคการลดไขมันที่มีการสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยการใช้ท่อที่มีขนาดเล็กสอดเข้าไปในชั้นผิวหนังและทำการดูดไขมันส่วนเกินในบริเวณนั้นออกมา โดยวิธีการลดความอ้วนนี้แทนที่จะต้องผ่าตัดเพื่อทำการเปิดแผลให้กว้างขึ้นเพื่อจะได้ดึงชั้นไขมันออกมา แต่ในปัจจุบันก็สามารถทำได้โดยใช้เพียงแค่รอยเจาะเล็กๆ นำมาซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสม และใช้เครื่องมือสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังในระดับชั้นไขมัน เพื่อดูดสิ่งที่ต้องการให้ออกมา ก็สามารถที่จะลดปริมาณของไขมันได้ตามที่ต้องการแล้ว

มาตรฐานส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ในการดูดไขมันก็คือ ใช้เครื่องมือที่จะดูดนั้นเป็นตัวทำการทำให้ไขมันเกิดการแตกตัวออก และทำการดูดออกมาโดยอาศัยระบบสุญญากาศ (Negative Pressure) ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดีเลย โดยในปัจจุบันได้มีการพัฒนาและคิดค้นเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ไขมันเกิดการแตกตัวก่อนที่จะลงมือทำดูดไขมัน ซึ่งจะทำให้การดูดไขมันมีความง่ายขึ้นมาก และทำให้แพทย์สามารถทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น

1. การใช้แรงดันน้ำ (Waterjet Liposuction)
2. การใช้เลเซอร์ (Laser Liposuction)
3. การใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonic Liposuction)

ในปัจจุบันนี้การใช้คลื่นความถี่สูง ได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้นมาก จึงทำให้มีความสามารถในการช่วยดูดไขมันได้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าหลายๆ วิธีในข้างต้นที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น การใช้แรงดันน้ำนั้นอาศัยหลักการฉีดน้ำในปริมาณมากๆ เพื่อช่วยทำให้ผิวหนังมีความรู้สึกชาและทำให้ไขมันมีความอ่อนตัวลง แต่หลังจากการผ่าตัดก็อาจจะมีน้ำเกลือหรือไขมันที่ตกค้างอยู่ได้ แต่น้ำเกลือและไขมันที่ว่านี้ก็จะค่อยๆ ระบายออกมาได้หลังจากที่ทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ถ้าผู้ป่วยได้รับฟังคำแนะนำก่อน ก็จะไม่ต้องไปกังวลกับปัญหานี้ สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ และทำการสาธิตการผ่าตัดจริงโดยเครื่องมือทั้งสองชนิดที่โรงพยาบาลภูมิพลมาแล้ว ซึ่งผู้ที่ต้องการจะเข้ารับการดูดไขมันนั้นอาจจะต้องเลือกสถานที่ในการดูดไขมันซักหน่อย เพื่อให้มีมาตรฐานในความปลอดภัยต่างๆ

สภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน

1. สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การเสียเลือดในปริมาณที่มาก การที่มีเซลไขมันหลุดลอกออกไปตามกระแสโลหิต (Fat Embolism) การได้รับปริมาณของยาชาหรือยาสลบที่มากจนเกินขนาด สภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจจะพบได้น้อยมาก ซึ่งมักจะพบในผู้รับบริการในรายที่ต้องการจะดูดไขมันปริมาณมากจนเกินไป ในคราวเดียวกันนั้นการดูดไขมันโดยทั่วๆ ไปโอกาสที่จะพบสภาวะแทรกซ้อนเช่นนี้มีน้อยมาก

2. สภาวะแทรกซ้อนแบบทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นเรื่องความคาดหวังของผู้รับบริการมากกว่า ว่าผลของการดูดไขมันนั้นไม่มากเท่าที่ต้องการ ซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์จะต้องทำการชี้แจงผู้รับบริการให้ชัดเจนซะก่อนตั้งแต่ตอนก่อนจะผ่าตัดแล้วว่าผลที่ได้ควรจะเป็นเช่นไรบ้าง

3. สภาวะแทรกซ้อนของผิวหนังเป็นคลื่นไม่เรียบ สภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในการดูดไขมันในชั้นที่ตื้นเกินไป หรือไปดูดไขมันในบริเวณที่มีปริมาณของไขมันอยู่ไม่มากแล้ว ส่วนการที่มีผิวหนังห้อยย้อยนั้น จะเกิดจากการดูดไขมันในผู้เข้ารับบริการที่มีอายุมาก ความยืดหยุ่นของผิวหนังจึงไม่ดี ในรายผู้เข้ารับบริการเช่นนี้ การผ่าตัดไขมันที่หน้าท้องจะมีความเหมาะสมมากกว่า

แต่การรับประทานยาสลายไขมัน และการสลายไขมันก่อนการดูดไขมันนั้น หากไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดแล้ว ไขมันในส่วนที่ถูกย่อยสลายจะทำการแทรกซึมเข้าไปสู่กระแสเลือด อาจจะทำให้เกิดเป็นสภาวะแรกซ้อนไขมันอุดตันในเส้นเลือด หรืออาจจะทำให้การทำงานของหัวใจล้มเหลวลงได้ ดังนั้นแล้วจึงจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับการดูดไขมันด้วยค่ะ

เคล็ดลับรักษาหุ่นให้สวย หลังการไดเอท

คุณก็ยังคงมีความรู้สึกกังวลอยู่ใช่ไหมล่ะค่ะ ว่าจะรักษาหุ่นสวยๆ แบบนี้อย่างไร ให้สามารถอยู่คงทนต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องกลับมาอ้วนอีก แน่นอนค่ะ ในเมื่อคุณอุตส่าห์ทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจมาอย่างมากมายในการลดน้ำหนักครั้งนี้ เพื่อให้ได้รูปร่างและหุ่นสวยตามที่ต้องการ ถ้าหากว่าต้องกลับไปเป็นหุ่นแบบเดิมอีกก็คงไม่ดีแน่แท้ ดังนั้นแล้วในวันนี้เราจึงนำเคล็ดลับเพื่อหลังการได้เอทให้หุ่นสวยๆ อยู่คู่กับสาวๆ ตลอดไป มาแนะนำกันค่ะ

1. เดินออกกำลังกาย

โรคอ้วนนั้นกำลังแพร่ระบาดไปทั่วประเทศไทย และก็มีแนวโน้มว่าจะแพร่ระบาดหนักขึ้นไปอีกในทศวรรษหน้านี้ การใช้เวลาในแต่ละวันซักประมาณ 20 นาที สำหรับเดินออกกำลังกาย จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณได้มีกิจกรรมมากขึ้น หรือการเดินออกกำลังกายจำนวนวันละ 2,000 ก้าว ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าอยากจะรู้ว่า คุณได้เดินออกกำลังกายไปกี่ก้าวแล้ว ก็ให้ลองใช้อุปกรณ์ช่วยอย่างเครื่อง Pedometer หรือมาตรวัดจำนวนก้าวติดเอาไว้ที่เข็มขัด จากนั้นก็ออกเดินไปได้เลย ไม่ว่าคุณจะไปไหนก็ตาม ตั้งแต่การจูงสุนัขออกไปเดินเล่น หรือจะออกไปเดินซื้อของแถวๆ บ้าน คุณก็สามารถดูจำนวนก้าวได้จากเครื่องนี้แหละค่ะ

2. กินแอปเปิล แบบเจ้าหญิงสโนว์ไวท์

สารอาหารที่อยู่ในแอปเปิลนั้น มีปริมาณของวิตามิซีมากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดเลยค่ะ เป็นปริมาณที่ร่างกายควรจะได้รับในแต่ละวันเชียวนะ เพื่อที่จะนำไปใช้ในการเสริมสร้างให้ร่างกายทุกส่วนมีสุขภาพที่ดี โดยทั่วไปแล้ว ถึงแอปเปิลจะอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือด โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง จากการไดเอท เราก็อยากจะขอแนะนำให้คุณลองรับประทานแอปเปิล หรือผลไม้อื่นๆ จำนวนวันละ สองสามลูก หรือจะรับประทานมากกว่านั้นก็ได้ ดูสิค่ะ

3. Say No ไขมันแปรรูป

ไขมันแปรรูปนั้นก็แย่พอๆ กับไขมันอิ่มตัวนั่นแหล่ะ เพราะว่าไขมันแปรรูปจะทำให้ระดับของคอเลสเตอรอลโดยรวม และระดับของโปรตีนไลปิดความหนาแน่นต่ำ (LDL) ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีให้สูงมากขึ้น แล้วก็ไปลดระดับของโปรตีนไลปิดความหนาแน่นสูง (HDL) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้ลดน้อยลง การบริโภคไขมันแปรรูปอาจจะส่งผลในการขัดขวางการดูดซึมของไขมันที่ดีต่อสุขภาพที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และการทำงานของอวัยวะต่างๆ สำคัญของร่างกายได้

4. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้าง

ที่อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ หมายถึงว่าแค่ให้ดื่มจำนวนวันละหนึ่งถึงสองแก้ว สำหรับผู้ชาย และดื่มจำนวนวันละหนึ่งแก้ว สำหรับผู้หญิง ถ้าหากดื่มปริมาณที่มากจนเกินไปก็จะยิ่งไปเพิ่มอัตราความเสี่ยงที่คุณจะเสพติดสารแอลกอฮอล์ได้ ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้คุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งเต้านม โรคอ้วน โรคหลอดเลือดสมองตีบ และก็ยังมีอัตราการเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย และอัตราการประสบอุบัติเหตุอีกด้วยนะ

5. รับประทานวิตามินเสริม

จากการค้นคว้าวิจัยของ Journal of Nutrition (วารสารเกี่ยวกับโภชนาการ) พบว่าการรับประทานวิตามินรวมทุกๆ วันสามารถช่วยลดอัตราความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการกำเริบของโรคหัวใจในครั้งแรก ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ซึ่งผู้เขียนรายงานการค้นคว้าวิจัย มีความคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากวิตามินบีที่พบอยู่ในวิตามินรวม เช่นเดียวกัน กับวิตามินซีและวิตามินอีที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ส่วนแร่ธาตุอย่างซีลีเนียมและเบต้าแคโรทีนนั้น วิตามินเสริมเหล่านี้ไม่สามารถที่จะไปทดแทนคุณค่าอาหารที่คุณได้จากอาหารปกติได้เลย แต่มันก็ยังสามารถช่วยปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายได้

6. ลดการรับประทานเกลือลงหน่อย

สำหรับคนที่ชอบเติมเกลือเพิ่มลงไปในอาหาร การที่ร่างกายได้รับปริมาณของโซเดียมที่มากจนเกินไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ โดยชาวไทยจำนวนมากกว่า 12 ล้านคน หรือเท่ากับจำนวนหนึ่งในห้าของทั้งประเทศ มีความดันโลหิตสูง โดยจำนวนหนึ่งในสามของคนเหล่านี้ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงนั้น เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคไต และโรคหลอดเลือดสมองตีบอีกด้วย แล้วแบบนี้ คุณก็ควรจะใช้เครื่องปรุงอื่นๆ แทนการใช้เกลือปรุงรสอาหารจะดีกว่านะคะ

7. จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า สีน้ำตาลย่อมดีกว่าสีขาวนะ

แป้งโฮลวีตนั้น มีปริมาณของสารอาหารและเส้นใยอาหารมากกว่าแป้งขัดสีค่ะ ลองเปลี่ยนมารับประทานขนมปังโฮลวีตแทน การรับประทานขนมปังขาว และรับประทานข้าวกล้องแทนการรับประทานข้าวขาวจะดีกว่านะคะ ซึ่งข้าวโพดคั่วและข้าวโอ๊ตบดหยาบ ก็ถือว่าเป็นธัญพืชเช่นกันค่ะ

8. รับประทานโยเกิร์ต

เป็นที่รู้ๆ กันนะคะว่า ธาตุแคลเซียมในโยเกิร์ตนั้น จะช่วยทำให้เสริมสร้างกระดูกให้มีความแข็งแรง แต่จริงๆ แล้วมีเหตุผลที่มากกว่าการรับประทานโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพของกระดูกค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ในโยเกิร์ตบางยี่ห้อก็ยังมี Inulin ซึ่งเป็นไฟเบอร์คล้ายๆ กับคาร์โบไฮเดรต ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สามารถพบได้ในผักและผลไม้ ซึ่ง Inulin นี้จะไปช่วยเพิ่มการทำงานให้กับเซลล์ที่มีชีวิต และช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในระบบย่อยอาหาร และที่สำคัญอย่างยิ่งคือเป็นผู้ช่วยในการดูดซึมธาตุแคลเซียมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

9. ห่ออาหารกลับบ้านสิ

เดี๋ยวนี้อาหารต่างๆ หรือ Fast Food มีขนาดจานที่ใหญ่ขึ้นมากจริงๆ และในบางคน ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะรับประทานให้หมดจาน ดังนั้นแล้ว เมื่อคุณสั่งอาหารแล้ว ให้คุณขอแบ่งอาหารซักครึ่งหนึ่งนำไปใส่กล่องเพื่อกลับบ้าน แทนสิ เพื่อที่คุณจะสามารถเก็บเอาไปไว้รับประทานในวันต่อไปได้ด้วย จะได้ช่วยให้คุณประหยัดค่าอาหาร อีกทั้งยังจะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่สมส่วนด้วยไงล่ะคะ

10. ดื่มน้ำให้มากๆ

น้ำนั้นมีความสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญทั้งหมดในร่างกายของเรา น้ำช่วยในการย่อยไขมัน ซึ่งจะทำให้มีน้ำหนักตัวที่ลดลง และยังจะช่วยทำให้ผิวพรรณแลดูผ่องใสอีกด้วย เคล็ดลับที่สำคัญก็คือ ควรจะดื่มน้ำปริมาณ 200 มิลลิลิตร ต่อแก้ว จำนวนวันละ 8-10 แก้ว หรือถ้าคุณรับประทานผักและผลไม้ที่มีส่วนประกอบของน้ำอยู่ด้วย ก็จะสามารถช่วยเพิ่มปริมาณของน้ำในร่างกายของเราได้เหมือนกันค่ะ

หน้าหลัก วิธีลดหน้าท้อง วิธีลดต้นขา วิธีลดต้นแขน สูตรลดน้ําหนัก อาหารลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย ลดพุงด้วยฮูล่าฮูป

ของเล่นของเด็กๆ สมัยก่อนอย่างฮูลาฮูปนั้น กำลังจะกลับมาอินเทรนด์อีกครั้งหนึ่ง แต่การกลับมาของฮูลาฮูปครั้งนี้ ไม่ได้กลับมาในรูปแบบเดิมๆ แล้ว เพราะเจ้าฮูลาฮูปนี้แหละ จะมาทำให้คุณสาวๆ มีรูปร่างและหุ่นดีกันค่ะ เพียงแค่คุณสาวๆ หาเจ้าห่วงฮูลาฮูปนี้มาเอาไว้ที่บริเวณเอวแล้วก็หมุนๆ แต่ถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ควรจะมีท่าเฉพาะด้วยนะคะ อุปกรณ์ห่วงฮูลาฮูปที่มีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกัรม เหมาะสมที่สุดสำหรับใช้ในการไดเอท และจะสามารถเห็นผลที่รวดเร็วกว่าการใช้ห่วงฮูลาฮูปที่มีน้ำหนักเบา เอาล่ะค่ะ !! วันนี้เรามีท่าเล่นฮูลาฮูป มาแนะนำให้คุณสาวๆ ทั้งหลายค่ะ ไปลองทำตามกันเลย

1. เดินย่ำเท้าอยู่กับที่ ประมาณ 3 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับการออกกำลังกาย

2. นำห่วงฮูลาฮูปมาคล้องให้เข้ากับสะโพก และหมุนไปมาซักประมาณ 3-5 นาที

3. แยกขาทั้งสองข้างออกให้กว้างประมาณช่วงไหล่ ปลายเท้าให้ชี้ออกไปด้านซ้ายซักเล็กน้อย วางห่วงฮูลาฮูปเอาไว้ที่ข้างซ้ายของลำตัว จับส่วนบนของห่วงฮูลาฮูปด้วยมือข้างซ้าย ยกขาข้างขวาขึ้นด้านข้างให้สูงระดับประมาณสะโพก หรือยกให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แขนข้างขวาชูขึ้นเอาไว้เหนือศีรษะ เริ่มกลิ้งห่วงฮูลาฮูปออกให้ห่างจากลำตัว แล้วก็ดึงห่วงฮูลาฮูปกลับมา ทำซ้ำๆ เช่นนี้ประมาณ 12 ครั้ง แล้วเปลี่ยนไปไปทำอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำประมาณ 12 ครั้ง เช่นกัน

4. หมุนห่วงฮูลาฮูปรอบสะโพก ประมาณ 3-5 นาที

5. แยกขาทั้งสองข้างออกกว้างประมาณช่วงไหล่ หันปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างจับห่วงฮูลาฮูปชูขึ้นไปข้างหน้า ยกเท้าข้างขวาขึ้นทางด้านข้างจำนวนสองครั้ง พร้อมกับบิดลำตัวไปทางด้านซ้าย จากนั้นก็ยกขาข้างซ้ายขึ้นทางด้านข้างจำนวนสองครั้ง พร้อมกับบิดลำตัวไปทางขวา ทำครบ 1 รอบนับเป็น 1 ครั้ง ให้ทำประมาณ 2 เซ็ต จำนวนเซ็ตละ 12 ครั้ง

6. หมุนห่วงฮูลาฮูปรอบสะโพก ประมาณ 3-5 นาที

7. แยกขาทั้งสองข้างออกกว้างประมาณช่วงไหล่ หันปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างจับห่วงชูขึ้นไปข้างหน้า หมุนตัวไปข้างซ้ายซักเล็กน้อย และเหยียดแขนข้างขวาข้ามไปจับด้านซ้ายของห่วงฮูลาฮูป ในขณะที่ทำท่านี้ให้เขย่งปลายเท้าข้างขวาขึ้นด้วย เมื่อทำเสร็จแล้วก็ให้ทำซ้ำในอีกข้างหนึ่ง

8. หมุนห่วงฮูลาฮูปรอบสะโพก ประมาณ 3-5 นาที

9. นอนหงายลงบนพื้น ยกขาทั้งสองข้างขึ้นให้ทำมุมตั้งฉาก 90 องศากับพื้น ถือห่วงฮูลาฮูปไว้ในมือข้างซ้ายให้สูงที่สุด จากนั้นค่อยๆ เลื่อนเท้าทั้งสองข้างไปแตะที่ด้านล่างของห่วงฮูลาฮูป เหยียดแขนข้างขวาขึ้นไปให้เหนือศีรษะ พร้อมกับยกไหล่ขึ้นให้เหนือพื้นซักเล็กน้อย (พยายามเกร็งลำตัวเอาไว้อย่าให้บั้นเอวยกตามไหล่ไปด้วย) จากนั้นก็ลดขาทั้งสองข้างลงจนกระทั่งอยู่เหนือพื้นซักประมาณ 2-3 นิ้ว กลับไปสู่ท่าเริ่มต้น นับเป็น 1 ครั้ง ทำซ้ำ 2 เซ็ต จำนวนเซ็ตละ 12 ครั้ง โดยให้เปลี่ยนจากข้างซ้ายมาเป็นข้างขวาในเซ็ตที่สอง

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย ด้วยห่วงฮูลาฮูป

1. การเล่นฮูลาฮูปนั้น เป็นการออกกำลังกายในรูปแบบของการเต้นแอโรบิคอย่างหนึ่ง เพราะสามารถเล่นได้ง่าย เป็นอุปกรณ์ในการออกกำลังกายที่มีผลกระทบต่อร่างกายน้อย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการออกกำลังกายที่มีความเหมาะสมสำหรับคนทุกเพศและทุกวัย

2. การเล่นฮูลาฮูปนั้น จะช่วยทำให้สัดส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง สะโพก แผ่นหลัง กล้ามเนื้อบริเวณขา และเข่า มีความกระชับมากขึ้น เนื่องจากว่าไขมันส่วนเกินที่ร่างกายสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น จะถูกเผาผลาญเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานออกไปมากกว่า 200 – 300 แคลอรี ภายในระยะเวลา 20 นาที ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกำจัดไขมันส่วนเกิน จึงทำให้มีน้ำหนักตัวที่ลดน้อยลง และทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ มีความกระชับมากยิ่งขึ้น

3. การเล่นฮูลาฮูปเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว และเสริมสร้างความยืดหยุ่นของข้อต่อและกระดูกต่างๆ ซึ่งจะช่วยทำให้คุณมีความรู้สึกมั่นใจกับรูปร่างทรวงทรงและทุกๆ ท่วงท่าในการเดินของคุณ อีกทั้งการออกกำลังกายด้วยฮูลาฮูปนี้ จะทำให้คุณมีความรู้สึกว่า คุณมีสุขภาพของที่ดีขึ้น ช่วยทำให้อาการเพลีย อาการเหนื่อยง่าย หรืออาการปวดเมื่อยจากการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เกิดขึ้นได้น้อยลง

4. การเล่นฮูลาฮูปนั้น จะช่วยทำให้ระดับการหมุนเวียนของเลือดไปสู่สมองเพิ่มมากขึ้น ทำให้คุณรู้สึกถึงความกระปรี้กระเปร่า และมีความรู้สึกพร้อมในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันได้อย่างทันที

5. การเล่นฮูลาฮูปนั้น เป็นการออกกำลังกายที่ใช้พื้นที่น้อย สามารถที่จะพกพาห่วงฮูลาฮูปไปไหนมาไหนก็ได้ทุกที สร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้กับทุกคนในครอบครัวได้ทุกที่และทุกเวลา รวมไปถึงกลุ่มเพื่อนๆ ที่ได้มาออกกำลังกายร่วมกันอีกด้วย

อาหารที่จะช่วยลดไขมันรอบเอว

จ้าความอ้วนนั้น เป็นตัวการร้ายที่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่ยอมหายไปจากชีวิตของเราสักทีนะคะคุณสาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณรอบๆ เอวของตัวเรา มาเถอะค่ะ เรามาลองรับประทานอาหารเหล่านี้กันดู เพราะว่าได้มีผลการค้นคว้าวิจัยออกมาแล้ว ว่าอาหารเหล่านี้นั้นสามารถที่จะช่วยลดปริมาณไขมันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณไขมันรอบๆ เอว หรือที่ใครๆ หลายคนมักจะเรียกจนติดปากว่า ห่วงยาง นั่นเองแหละค่ะ ….

1. อะโวคาโด :
อะโวคาโดนั้นมีสารอาหารที่อุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งจะช่วยในการดูดซึมของคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งจะช่วยในการขจัดเจ้าคอเลสเตอรอลส่วนเกินให้ออกไปจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งจะช่วยในการป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณของอะโวคาโดที่แนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ ครึ่งถ้วย

2. บร็อกโคลี่ :
นักค้นว้าวิจัยได้ระบุเอาไว้ว่า สารอาหารที่อยู่บร็อกโคลี่ในอย่างแคลเซียมนั้น จะช่วยทำให้ร่างกายสามารถที่จะเผาผลาญแคลอรีที่ได้สะสมเอาไว้จนเป็นไขมันส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็เป็นผักที่เป็นแหล่งของสารอาหารอย่างแคลเซียม ซึ่งไม่มีไขมันอยู่เลย ปริมาณของบร็อกโคลี่ที่แนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 1 ถ้วยครึ่ง ถึง 2 ถ้วย

3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ :
ในถั่งแล้วเมล็ดพืชต่างๆ จะมีสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะในถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่างๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน ปริมาณแนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 2 ช้อนโต๊ะ

4. น้ำมัน :
คุณควรจะเลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ในการช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ ที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน ปริมาณแนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 1 ช้อนโต๊ะ