สาวๆหลายๆคน ที่ไม่มีความมันใจในตัวเองนั้น คิดว่า ตัวเองนั้นมีไขมันส่วนเกินมากเกินไป แล้วก็คิดอยากที่จะไปกำจัดไขมันส่วนเกินนั้นออก อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจไปเลยค่ะ เรามาดูข้อควรรู้และเรื่องที่คุณอาจที่จะไม่เคยรู้มาก่อน กันีกว่า
1. การดูดไขมันไม่ได้เป็นการลดน้ำหนักนะ อย่างแรกเลย การดูดไขมันนั้น จะมีผลเฉพาะต่อบางพื้นที่บางจุดแค่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นขาและเอว (พุง) นอกจากนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจไปดูดไขมันส่วนเกินนั้น Dr.Dirk Lazarus ศัลยแพทย์พลาสติก แห่งเคปทาวน์ พูไว้ว่า คุณนั้นควรที่จะมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 30 เท่านั้น
2. วิธีการใหม่ ส่งตรงมาจากสปา วิธีนี้เรียกว่า Cryolipolysis (Cool Sculpting) ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น แต่ว่าวิธีการนี้ ศัลยแพทย์ ยังมีข้อแย่งอยู่ว่า เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุดดเพียงเท่านั้น
3. การใช้เทคโนโลยีที่ต่าง ผลลัพท์ก็ต่าง การดูดไขมันออกด้วยวิธี Ultrasonic-Assisted Liposucting (UAL หรือ การดูดไขมันด้วยอัลตร้าซาวด์) ซึ่งใช้การประยุกต์การใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ด้วยการใช้สัญญาณเสียงส่งผ่านไปที่ปลายท่อยาว และทำให้เซลล์ไขมันแบบหนาแน่นเช่น ในส่วนหน้าอกและหลัง
ส่วนการดูดไขมันด้วยวิธี Laser Lipolysis (การดูดไขมันด้วยเลเซอร์) ซึ่งเป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเซลล์ไขมัน ที่ต้องการให้สลายไป จนกลายมาเป็นน้ำมัน เมื่อไขมันนั้นสลายไปแล้ว มันก็จะไหลออกทางเข็มทางเข้าของสายเลเซอร์
ยังมีอีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือ Tumescent Technique เป็นการดูดไขมันแบบฉีดสารละลายระหว่างยาชา และยา Epinephrine เป็นวิธีที่มีการพัฒนามาอย่างยาวนานและ แน่นอนว่า วิธีนี้นี่แหละค่ะ ที่คุณจะได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า ผิวหนังที่ถูกดูดไขมันออกไปจะเรียบเนียน ไม่ค่อยมีร่องรอยให้เห็น เลือดออกน้อย แถมยังมีรอยช้ำแค่นิดเดียวเท่านั้น
4. ผลของมันจะอยู่นานขึ้น ถ้าหาเรานั้นปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ระยะพักฟื้น ภายหลังจากที่ดูดไขมันจะสั้นหรือนานกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ถ้าหากว่า คุณใช้ผ้ายืดรัดกระชับรูปทรง และลดความเร็วในการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็น เกิดลิ่มเลือดและเลือดคั่งได้ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารนั้น ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ควรจะใส่ใจ ควรหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพ จะดีกว่า เวลาที่เราจะเห็นผลอย่างชัดเจนนั้นก็ราวๆ 6 เดือนได้ นั่นคือระยะเวลาที่คุณจะต้องใส่ใจในตัวคุณเองให้มากขึ้น
5. มันอาจมีผลข้างเคียงได้ ถ้าหากว่าการดูดไขมันนั้น กระทำโดยผู้อ่อนประสบการณ์ ก็จะส่งผล ให้เกิดอันตรายกันคนไข้ได้ อย่างเช่น การเกิดรอยไหม้ของไขมัน จากการ UAL (Ultrasonic-Assisted Liposucting) การอุดตันของลิ่มเลือดที่ปอด และอาการช็อคที่เกิดจากการทดแทนน้ำที่ไม่เหมาะสม หลังจากดการดูดไขมันเสร็จสิน
6. ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น Marella O’Reilly CEO ของ HPCSA (Health Professions Council of South Africa) องค์กรผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข ได้กล่าวเอาไว้ว่า การดูดไขมันนั้นต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เท่านั้น ภายใต้เงื่อนไขและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม
7. หาย…แต่เพิ่ม งงมั้ยหละ แน่นอนว่า การดูดไขมันนั้น อาจจะทำให้เซลล์ไขมันของคุณนั้นหายไป แต่ทว่าไขมันส่วนอื่นนั้นอาจที่จะเพิ่มมาแทน เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป ผู้หญิงรูปร่างปกติ ที่ดูดไขมันที่ต้นขาและท้องน้อย จะมีไขมันในปริมาณที่เท่ากัน เพิ่มขึ้นที่บริเวณเอวส่วนบนช่วงไหล่ และต้นแขนส่วนไตรเซพ การเพิ่มของไขมันนั้น เป็นการพิทักษ์ร่างกายโดยการสะสมไขมัน
ถ้าหากว่า ภายหลังจากที่คุณได้ดูดไขมันไปแล้วนั้น คุณก็จะกลับไปบริโภคอาหารที่ให้พลังงานมากเกินกว่าที่ใช้ในแต่ละวัน ไขมันก็จะกลับเข้ามาอีกในเซลที่ยังไม่ดนทำลาย
8. ไปเพิ่มที่อื่นแทน ถึงแม้ว่าคุณจะทำการดูดไขมันส่วนเกินออกไปแล้ว แต่แน่นอนว่าไขมันจะไม่กลับเข้าไปสะสมอยู่ที่เดิมที่ถูกดูดออกมา เพราะว่าการดูดไขมันนั้น ได้ทำลายผนังเซลล์ในส่วนนั้นไป แต่ไขมันก็จะไปเพิ่มที่ส่วนอื่นแทนนั่นเอง
9. ไขมันนั้นนำไปเพิ่มที่อื่นได้ ไขมันที่ถูกดูดออกไปนั้น จะสามารถนำกลับมาฉีดกลับเข้าไปในอวัยวะส่วนอื่นๆแทน ได้ ตั้งแต่ริมฝีปาก จรดอวัยวะเพศเลยทีเดียว…! มันคือเรื่องจริงนะ เนื่องจากไขมันที่ถูกดูดออกมานั้น มันก็คือส่วนหนึ่งของร่างกายเรา จึงไม่มีโอกาสที่จะต่อต้านด้วยร่างกายของตนเอง และกระบวนการแบบนี้ สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เราดดูดดไขมันเพียงแต่เราต้องฉีดยาชาเพิ่มเข้าไปอีก
10. หญิงจะดีกว่าชาย ศัลยแพทย์พลาสติกจากเมือง เดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ได้กล่าวว่า การดูดไขมันนั้น มักจะประสบผลสำเร็จ ในผู้หญิง มากกว่าใน ผู้ชาย เพราะว่าไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายของเพศชายนั้น จะทำการดูดได้ยากกว่าและใช้เวลานานกว่าในเพศหญิง
ถ้าสาวๆ คนไหน คิดจะไป ดูดไขมัน ส่วนเกินออกละก็ ควรที่จะทำการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการและสถานประกอบการณ์ก่อน รวมถึง สภาพร่างกายของตนเองด้วย นี่แหละ ที่สำคัญ ถ้าหากร่างกายคุณนั้นไม่พร้อม ไม่ว่าแพทย์นั้นจะเชี่ยวชาญขนาดดไหน มันก็เสี่ยงเหมือนเดิม