ออกกำลังกายเพื่อลดต้นขาแบบง่ายๆ

หากคุณกำลังเป็นกังวนกับปัญหาต้นขาใหญ่ที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณนั้นต้องสูญเสียความมั่นใจไป เรามี 6 วิธีการออกกำลังกายเพื่อลดต้นขาของคุณให้เรียวสวยขึ้นอย่างง่ายๆ เพียงแค่คุณใช้ช่วงเวลาพักผ่อน หรือดูทีวีก็สามารถทำท่ากายบริหารลดต้นขานี้ได้มาฝากกัน

เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุดคุณควรทำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย

1.ในท่านี้จะช่วยกระชับต้นขาและช่วยลดน่อง โดยการยืนตรงแล้วกางขาออกให้พอประมาณ จากนั้นให้เขย่งเท้าขึ้นให้สุดจนรู้สึกว่าตึงที่น่อง นับ 1-20 ในท่านี้ให้ทำประมาณ 20ครั้ง

2.ในท่านี้จะช่วยลดต้นขาด้านใน ให้ยืนตรงแล้วเอามือเกาะพนังห้องหรือที่ยึดอื่นๆตามถนัด จากนั้นเหวี่ยงขาข้างหนึ่งให้สุด เหวี่ยงขึ้น-ลง ในท่านี้ให้ทำประมาณ 30 ครั้ง

3.ยืนในน้ำหรือว่ายน้ำ หลังจากนั้นให้ยกขาขึ้นตีน้ำให้เอามือแตะขอบสระไว้ แล้วยกขาเหวี่ยงไปมาทีละข้าง โดยให้ทำสลับกันประมาณ 30 ครั้ง

4.นั่งลงกับพื้นเหยียดขาให้ตรง หลังจากนั้นค่อยๆยกขาทั้งสองข้างขึ้น ตีขาไปมาสลับกับประมาณ 50-100 ครั้ง

5.นอนราบลงกับพื้น ยกขาทั้งสองข้างขึ้นเหยียดให้ตรง ค้างไว้ 3 นาที จากนั้นให้แยกขาออกจากกันแล้วหุบขาชิด โดยให้ทำสลับกับไปมาประมาณ 20 ครั้ง

6.นอนหงายและเหยียดขายาวๆ โดยใช้หมอนรองไว้ที่ก้นหรือใช้มือยันเอาไว้จะได้ช่วยให้ไม่เจ็บ จากนั้นค่อยๆยกขาทั้งสองข้างขึ้น เหมือนปั่นจักรยานกลางอากาศ 100 ครั้ง

10 เรื่องที่ควรรู้ในการดูดไขมัน

สาวๆหลายๆคน ที่ไม่มีความมันใจในตัวเองนั้น คิดว่า ตัวเองนั้นมีไขมันส่วนเกินมากเกินไป แล้วก็คิดอยากที่จะไปกำจัดไขมันส่วนเกินนั้นออก อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจไปเลยค่ะ เรามาดูข้อควรรู้และเรื่องที่คุณอาจที่จะไม่เคยรู้มาก่อน กันีกว่า

1. การดูดไขมันไม่ได้เป็นการลดน้ำหนักนะ อย่างแรกเลย การดูดไขมันนั้น จะมีผลเฉพาะต่อบางพื้นที่บางจุดแค่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นขาและเอว (พุง) นอกจากนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจไปดูดไขมันส่วนเกินนั้น Dr.Dirk Lazarus ศัลยแพทย์พลาสติก แห่งเคปทาวน์ พูไว้ว่า คุณนั้นควรที่จะมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 30 เท่านั้น

2. วิธีการใหม่ ส่งตรงมาจากสปา วิธีนี้เรียกว่า Cryolipolysis (Cool Sculpting) ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น แต่ว่าวิธีการนี้ ศัลยแพทย์ ยังมีข้อแย่งอยู่ว่า เป็นการสลายไขมันเฉพาะจุดดเพียงเท่านั้น

3. การใช้เทคโนโลยีที่ต่าง ผลลัพท์ก็ต่าง การดูดไขมันออกด้วยวิธี Ultrasonic-Assisted Liposucting (UAL หรือ การดูดไขมันด้วยอัลตร้าซาวด์) ซึ่งใช้การประยุกต์การใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ด้วยการใช้สัญญาณเสียงส่งผ่านไปที่ปลายท่อยาว และทำให้เซลล์ไขมันแบบหนาแน่นเช่น ในส่วนหน้าอกและหลัง

ส่วนการดูดไขมันด้วยวิธี Laser Lipolysis (การดูดไขมันด้วยเลเซอร์) ซึ่งเป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเซลล์ไขมัน ที่ต้องการให้สลายไป จนกลายมาเป็นน้ำมัน เมื่อไขมันนั้นสลายไปแล้ว มันก็จะไหลออกทางเข็มทางเข้าของสายเลเซอร์

ยังมีอีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือ Tumescent Technique เป็นการดูดไขมันแบบฉีดสารละลายระหว่างยาชา และยา Epinephrine เป็นวิธีที่มีการพัฒนามาอย่างยาวนานและ แน่นอนว่า วิธีนี้นี่แหละค่ะ ที่คุณจะได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า ผิวหนังที่ถูกดูดไขมันออกไปจะเรียบเนียน ไม่ค่อยมีร่องรอยให้เห็น เลือดออกน้อย แถมยังมีรอยช้ำแค่นิดเดียวเท่านั้น

4. ผลของมันจะอยู่นานขึ้น ถ้าหาเรานั้นปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ระยะพักฟื้น ภายหลังจากที่ดูดไขมันจะสั้นหรือนานกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ถ้าหากว่า คุณใช้ผ้ายืดรัดกระชับรูปทรง และลดความเร็วในการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็น เกิดลิ่มเลือดและเลือดคั่งได้ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารนั้น ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ควรจะใส่ใจ ควรหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพ จะดีกว่า เวลาที่เราจะเห็นผลอย่างชัดเจนนั้นก็ราวๆ 6 เดือนได้ นั่นคือระยะเวลาที่คุณจะต้องใส่ใจในตัวคุณเองให้มากขึ้น

5. มันอาจมีผลข้างเคียงได้ ถ้าหากว่าการดูดไขมันนั้น กระทำโดยผู้อ่อนประสบการณ์ ก็จะส่งผล ให้เกิดอันตรายกันคนไข้ได้ อย่างเช่น การเกิดรอยไหม้ของไขมัน จากการ UAL (Ultrasonic-Assisted Liposucting) การอุดตันของลิ่มเลือดที่ปอด และอาการช็อคที่เกิดจากการทดแทนน้ำที่ไม่เหมาะสม หลังจากดการดูดไขมันเสร็จสิน

6. ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น Marella O’Reilly CEO ของ HPCSA (Health Professions Council of South Africa) องค์กรผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข ได้กล่าวเอาไว้ว่า การดูดไขมันนั้นต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เท่านั้น ภายใต้เงื่อนไขและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม

7. หาย…แต่เพิ่ม งงมั้ยหละ แน่นอนว่า การดูดไขมันนั้น อาจจะทำให้เซลล์ไขมันของคุณนั้นหายไป แต่ทว่าไขมันส่วนอื่นนั้นอาจที่จะเพิ่มมาแทน เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป ผู้หญิงรูปร่างปกติ ที่ดูดไขมันที่ต้นขาและท้องน้อย จะมีไขมันในปริมาณที่เท่ากัน เพิ่มขึ้นที่บริเวณเอวส่วนบนช่วงไหล่ และต้นแขนส่วนไตรเซพ การเพิ่มของไขมันนั้น เป็นการพิทักษ์ร่างกายโดยการสะสมไขมัน

ถ้าหากว่า ภายหลังจากที่คุณได้ดูดไขมันไปแล้วนั้น คุณก็จะกลับไปบริโภคอาหารที่ให้พลังงานมากเกินกว่าที่ใช้ในแต่ละวัน ไขมันก็จะกลับเข้ามาอีกในเซลที่ยังไม่ดนทำลาย

8. ไปเพิ่มที่อื่นแทน ถึงแม้ว่าคุณจะทำการดูดไขมันส่วนเกินออกไปแล้ว แต่แน่นอนว่าไขมันจะไม่กลับเข้าไปสะสมอยู่ที่เดิมที่ถูกดูดออกมา เพราะว่าการดูดไขมันนั้น ได้ทำลายผนังเซลล์ในส่วนนั้นไป แต่ไขมันก็จะไปเพิ่มที่ส่วนอื่นแทนนั่นเอง

9. ไขมันนั้นนำไปเพิ่มที่อื่นได้ ไขมันที่ถูกดูดออกไปนั้น จะสามารถนำกลับมาฉีดกลับเข้าไปในอวัยวะส่วนอื่นๆแทน ได้ ตั้งแต่ริมฝีปาก จรดอวัยวะเพศเลยทีเดียว…! มันคือเรื่องจริงนะ เนื่องจากไขมันที่ถูกดูดออกมานั้น มันก็คือส่วนหนึ่งของร่างกายเรา จึงไม่มีโอกาสที่จะต่อต้านด้วยร่างกายของตนเอง และกระบวนการแบบนี้ สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เราดดูดดไขมันเพียงแต่เราต้องฉีดยาชาเพิ่มเข้าไปอีก

10. หญิงจะดีกว่าชาย ศัลยแพทย์พลาสติกจากเมือง เดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ได้กล่าวว่า การดูดไขมันนั้น มักจะประสบผลสำเร็จ ในผู้หญิง มากกว่าใน ผู้ชาย เพราะว่าไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายของเพศชายนั้น จะทำการดูดได้ยากกว่าและใช้เวลานานกว่าในเพศหญิง

ถ้าสาวๆ คนไหน คิดจะไป ดูดไขมัน ส่วนเกินออกละก็ ควรที่จะทำการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการและสถานประกอบการณ์ก่อน รวมถึง สภาพร่างกายของตนเองด้วย นี่แหละ ที่สำคัญ ถ้าหากร่างกายคุณนั้นไม่พร้อม ไม่ว่าแพทย์นั้นจะเชี่ยวชาญขนาดดไหน มันก็เสี่ยงเหมือนเดิม

ดูแลหุ่นอย่างไร ให้ดูฟิตและเฟิร์ม ขาสวยอยู่ตลอดเวลา

ปัญหาที่มักจะกวนใจของสาวๆ หลายคน นั่นก็คือเรื่องรูปร่าง ทรวดทรง ซึ่งบางคนนั้น พยายามที่จะควบคุมอาหาร และออกกำลังกายกันสารพัดวิธีแล้ว แต่เจ้าพุงก็ยังยื่น ต้นแขนก็ยังใหญ่ แล้วก็มักจะโผล่มาเป็นอุปสรรค ขัดขวางความงามกันอยู่เรื่อยไป

ไขมันส่วนเกินและเซลลูไลท์ ที่มีการสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณรอบเอว ต้นแขน ต้นขานั้น จัดว่าเป็นไขมันส่วนเกินที่กำจัดได้ยากที่สุด ในบางคน ถ้ามองดูรูปร่างโดยรวมแล้ว ก็ไม่ได้อ้วนอะไรเลย แต่ก็ต้องมานั่งกลุ้มใจกับไขมันส่วนเกินพวกนี้

สำหรับการดูแลหุ่นให้ฟิตและเฟิร์มอยู่ตลอดนั้น จำเป็นต้องอาศัยความมีวินัยในตัวเอง และกำลังใจที่ดีเยี่ยม มีหลักการง่ายๆ คือ

หากคุณรับประทานอาหารในแต่ละวัน ที่ให้พลังงานเกินกว่าที่ร่างกายคุณนั้นต้องการ พลังงานส่วนเกินเหล่านั้นก็จะไปทำการสะสมตัวอยู่ในรูปของไขมันตามส่วนต่างๆ ดังนั้น ถ้าหากคุณต้องการรักษารูปร่างทรวดทรงให้สมส่วนล่ะก็ คุณก็จะต้องทำการควบคุมปริมาณในการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายให้ร่างกายมีความสมดุล ห้ามตามใจปาก ห้ามขี้เกียจ หรือผัดวันประกันพรุ่งเป็นอันขาด จงจำไว้ว่า การหักโหมลดน้ำหนักเป็นครั้งเป็นคราวนั้น ไม่ได้ช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดีได้นานเลย สุดท้ายแล้ว หากนิสัยเดิมๆ ของคุณกลับมา ก็คงไม่แคล้วกลับมามีรูปร่างที่อ้วนอีก หรือในบางคนก็อาจจะต้องเผชิญกับสภาวะ Yo-Yo Effect ที่จะทำให้คุณมีรูปร่างอ้วนกว่าเดิมอีกด้วย

กฎทองของการรักษาหุ่นก็คือ ต้องดูแลการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายให้มีความสมดุลกับความต้องการของร่างกายคุณ จงจำไว้ว่าอัตราการเผาผลาญพลังงานของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันไป และเมื่อเวลาหรือวิถีชีวิตของคุณมีการเปลี่ยนแปลงไป อัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ถ้าหากคุณรู้ตัวว่าเป็นพวกสาวออฟฟิศ วันๆ เอาแต่นั่งโต๊ะทำงาน ไม่ค่อยได้ใช้พลังงานสักเท่าไรล่ะก็ ก็ควรที่จะเลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณเส้นใยสูง แต่ให้พลังงานที่ต่ำ และที่สำคัญ ก็ควรหาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง เพื่อจะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ถ้าหากอยากฟิตหุ่นเฉพาะเป็นส่วนๆ ก็อาจจะบริหารร่างกายเฉพาะส่วนเป็นกรณีพิเศษ เพื่อความฟิตและเฟิร์ม หากสามารถทำเช่นนี้ได้เป็นกิจวัตรแล้ว หุ่นของคุณก็ฟิตและเฟิร์มอย่างที่ใจคุณต้องการแล้วล่ะค่ะ

เคล็ดลับการสกัดความอ้วน

– ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้พลังานในปริมาณพอดีกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน

– ไม่ควรที่จะอดอาหาร แม้จะต้องการลดความอ้วนก็ตาม เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการหิวจัด จนรับประทานอาหารเกินความจำเป็นในมื้อต่อไปได้

– ค่อยๆ เคี้ยว อาหารให้ช้าๆ และเคี้ยวให้ละเอียด อย่าทำกิจกรรมอื่นๆ ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหาร เพราะจะทำให้คุณไม่รู้ตัวว่า คุณรับประทานอะไรไปแล้วบ้าง ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณอาหารเกินความต้องการได้

– ควรจะเน้นอาหารประเภทที่มีปริมาณไขมันต่ำ มีปริมาณกากใยที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารจำพวกเนื้อปลา ผัก และผลไม้

– ควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีการต้ม หรือลวก แทนการทอด หรือผัด เพราะน้ำมันจากการปรุงอาหาร อาจจะเป็นตัวการที่สำคัญที่ทำให้คุณอ้วนมากขึ้น

– รับประทานอาหารที่มีพริกไทย หรือเครื่องเทศเป็นส่วนผสมในการประกอบอาหาร เพราะว่าจะช่วยกระตุ้นระบบการย่อยและเผาผลาญของไขมันได้

– หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกรุบกรอบ ขนมหวาน ถ้าหากรู้สึกหิวในระหว่างมื้อ ก็ให้รับประทานผลไม้ที่มีรสไม่หวานมาก แต่มีปริมาณเส้นใยที่สูง เช่น แอปเปิล สับปะรด หรือแก้วมังกร

– ดื่มน้ำให้มากๆ ไม่ควรจะดื่มน้อยกว่า 8-10 แก้วต่อวัน และควรจะดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนการรับประทานอาหารทุกมื้อ

– ควรจะระวังน้ำตาลที่อาจจะแฝงมาในอาหารและเครื่องดื่ม น้ำตาลที่อยู่ในกาแฟเย็น หรือในน้ำอัดลมยี่ห้อโปรดปราน น้ำหวาน หรือน้ำผลไม้กล่อง ก็อาจจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คุณมีรูปร่างที่อ้วนได้โดยไม่รู้ตัว

– ช่วงก่อนที่จะมีประจำเดือน ผู้หญิงบางคนนั้น อาจจะมีอาการความอยากอาหารที่ผิดปกติ ตัวดูบวมๆ หรือพุงดูยื่นๆ ซึ่งเป็นเพราะว่าระดับฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะมีประจำเดือน ดังนั้นก็ควรระมัดระวังการรับประทานอาหารให้ดี หรือแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยการเลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดรุ่นใหม่ที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนโดสที่ต่ำ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับฮอร์โมนธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะสมารถช่วยลดปัญหาอาการที่ไม่พึงประสงค์ก่อนที่จะมีประจำเดือนได้

– ควรจะออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย อาทิตย์ละ 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30-45 นาที เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน เพื่อจะทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้มากขึ้น

7 วิธี เผาผลาญไขมันอย่างเห็นผล

หากสาวๆ อยากจะให้รูปร่างสวยเพรียว นอกจากว่าเราจะต้องเอาจริงกับมันแล้ว ยังต้องมีวิธีการลดน้ำหนักที่ถูกต้องซึ่งเรามีวิธีดีๆมาแนะนำดังนี้

1. การจำกัดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ

กินมื้อเช้าให้เยอะที่สุด มื้อกลางนั้นวันรองลงมาจากมื้อเช้า ส่วนมื้อเย็นก็ควรเป็นมื้อที่ทานให้น้อยที่สุด หรือกินแค่ผลไม้หรือสลัดผักสักจานก็พอแล้ว

2. ต้องออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์

แต่ละครั้งไม่ควรที่จะต่ำกว่า 30 นาที สาวๆนั้นควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ เพื่อจะให้การเผาผลาญไขมันส่วนเกินนั้นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสลายไขมันได้แล้ว การออกกำลังกายในครั้งต่อๆไปก็จะทำให้กล้ามเนื้อของเรากระชับขึ้นและป้องกันไม่ได้ไขมันหวนคืนมาอีก

3. ต้องงดอาหารที่มีไขมันสูงอย่างเด็ดขาด

วิธีนี้คือวิธีที่จะช่วยลดหน้าท้องได้ดีที่สุด เพราะหน้าท้องของเรานั้นจะเป็นที่แรกที่ร่างกายของเราจะเอาไขมัน ส่วนเกินมาเก็บเอาไว้

4. สำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักนั้น

เราจะต้องเน้นที่การเคลื่อนไหวอย่างเป็นจังหวะด้วยถึงจะได้ผลดี เช่น เต้น วิ่ง ว่ายน้ำ แอโรบิก

5. ถ้าหากว่าสาวๆ อยากจะออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อลดหน้าท้อง

ควรจะออกกำลังในตอนเช้าจะได้ผลดีที่สุด เพราะว่าในตอนเช้าเป็นเวลาที่ระบบต่างๆ ในลำไส้กำลังทำงาน ถ้าได้ออกกำลังกายมันก็จะยิ่งเสริมการเผาผลาญบริเวณนี้ได้มากกว่าปกติ

6. ถ้าเราต้องการจะลดหน้าท้องให้ได้ผล

หัวใจหลักๆของหัวข้อนี้ อยู่ที่การทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องของเราได้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ถ้าท่าลดหน้าท้องที่คุณเลือกนั้นใช้ทำไม่ได้แบบนี้ ก็แปลว่าท่านั้นเป็นท่าที่ไม่ได้เรืองหรือ ต่อให้ออกกำลังกายอย่างหนักแค่ไหน แต่หน้าท้องของเรานั้นไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อ ก็เท่ากับว่าเราเสียแรงฟรี

7. ท่าบริหารลดหน้าท้อง

ไม่ว่าเรานั้นจะเลือกทำท่าไหนก็ตาม เราควรที่จะทำไม่ต่ำกว่าเซ็ตละ 15 ที จากนั้นเราก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนเซ็ตขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 3 เซ็ตใน 1 ครั้ง