สมาธิช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างไร
ก่อนที่คุณจะเริ่มลดน้ำหนัก คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เทคนิคการทำสมาธิเพื่อลดน้ำหนักก่อน กลยุทธ์ที่เรียบง่ายและไม่เสียค่าใช้จ่ายนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณผอมลงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวลได้อีกด้วย
อะไรคือการทำสมาธิ?

การทำสมาธิเป็นกิจวัตรประจำวันในการทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง เพื่อที่จะกลับไปสู่ห้วงความคิดที่เป็นเหตุผล และอารมณ์ที่สงบ บางคนฝึกเพียงห้านาทีต่อวัน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสมาธิส่วนใหญ่ แนะนำให้นั่งสมาธิ 20 นาทีต่อวัน
การทำสมาธิไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเพิ่งเริ่มต้นสละเวลาสัก 5 นาทีหลังตื่นนอนโดยทันที เพื่อให้จิตใจปลอดโปร่งก่อนที่จะเผชิญกับวันที่วุ่นวาย เพียงแค่หลับตา และจดจ่อกับการหายใจของคุณโดยไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลง มุ่งเน้นไปที่การหายใจของคุณเท่านั้น หากความคิดของคุณฟุ้งซ่าน – และซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ในผู้เริ่มต้น – คุณเพียงแค่กลับไปจดจ่อที่ลมหายใจของคุณอีกครั้งเท่านั้น ไม่ต้องคิดอะไรต่อ
แม้ว่า คุณ Libshtein จะแนะนำให้นั่งสมาธินาน 10 นาทีทุกวัน (5 นาทีในตอนเช้า และ 5 นาทีในตอนกลางคืน) แต่เขาก็รู้ดีว่า “ระยะเวลาไม่สำคัญเท่ากับการทำอย่างสม่ำเสมอ” ซึ่งเป็นเรื่องยากในการสร้างนิสัยใหม่ ดังนั้นหากคุณเริ่มเพียง 5 นาทีต่อวันก็ไม่เป็นไร อย่าลังเลที่จะทำ คุณจะนั่งหรือนอนก็ได้เลือกทางที่คุณรู้สึกสบายที่สุด
ประโยชน์ของสมาธิในการลดน้ำหนัก
การทำสมาธิ และการรับประทานอาหารอย่างมีสติ ช่วยให้คุณรับประทานอาหารและชื่นชมกับอาหารได้อย่างมีความสุข สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการลดน้ำหนัก นี่คือบางวิธีการทำสมาธิ ที่จะช่วยลดน้ำหนักได้

การลดน้ำหนักอย่างถาวร
ในการทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับการทำสมาธิ ในปี 2017 พบว่า การทำสมาธิช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และเป็นช่วยลดน้ำหนักได้โดยได้รับการพิสูจน์แล้ว ผู้ที่ใช้สมาธิมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักได้ดี
ในการทำสมาธิเพื่อลดน้ำหนัก สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้:
- คุณอยู่ที่ไหน?
- คุณรับประทานสิ่งใดเข้าสู่ร่างกาย?
- ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร?
ลดและจัดการกับความเครียด
มีการศึกษาในปี 2011 พบว่า การรับประทานอย่างมีสติ สามารถช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานและลดความเครียด ส่งผลให้น้ำหนักลดลงด้วย เพราะเมื่อเราเครียดเราจะมีเวลาน้อยลงสำหรับการเลือกสิ่งที่ดีให้กับสุขภาพ
ความเครียดทำให้การลดน้ำหนักเป็นได้ยากขึ้น และผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเชื่อมโยงกับการกระตุ้นให้เกิดความอยากรับประทานอาหาร อีกทั้งความเครียดยังเพิ่มระดับอินซูลิน ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญอาหารได้ยากขึ้น
ช่วยการรับประทานอาหารที่มากเกินไป
การรับประทานอาหารอย่างมีสติสามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ และลดความเครียดโดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และการรับประทานอาหารอย่างระมัดระวังสามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงการรับประทาน ขนมหวาน หรือการกินพิซซ่าในปริมาณที่มากเกินไป
การเปลี่ยนความรู้สึกของคุณที่มีต่ออาหารนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักเลยทีเดียว คุณอาจจะต้องใส่ความคิดเชิงลบ เกี่ยวกับอาหาร และมีสติอย่างเต็มในการการควบคุมตนเองในการรับประทานอาหาร
เมื่อคุณเลิกนิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องได้ ความสำเร็จในการลดน้ำหนักระยะยาวจะเพิ่มมากขึ้น
นอนหลับให้เพียงพอ
การฝึกสมาธิสามารถช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะกลั่นกรองความคิด บางครั้งการคิดเยอะเกินไปจะทำให้คุณนอนไม่หลับ และจากการทดลองได้แสดงให้เห็นว่าคนที่ฝึกสมาธินั้นจะสามารถนอนหลับได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้นั่งสมาธิ
ไม่ควรรู้สึกผิดเกี่ยวกับอาหาร
ไม่ควรรู้สึกผิดเมื่อพูดเรื่องอาหาร
สิ่งที่แย่ที่สุดคือการโทษตัวเองเมื่อเผลอใจทานอาหารแย่ ๆ เข้าไป คอยดูความรู้สึกและนิสัยของตัวเอง และอย่ารู้สึกผิดเมื่อคุณเกิดเพิ่มน้ำหนักหรือรูปร่างอ้วนขึ้นมานิดหน่อย ให้อภัยตัวเองแล้วคุณจะไม่ทำแบบเดิม ๆ ซ้ำกันอีก และหากมันเกิดขึ้นอีกครั้งคุณสามารถให้อภัยกับความผิดพลาดนั้นและเริ่มต้นใหม่อีกรอบ
ค่อย ๆ เริ่มทีละขั้นตอนในการนั่งสมาธิและเฝ้าระวังพฤติกรรมและนิสัยของคุณ
การนั่งสมาธิและการลดน้ำหนักมีความเกี่ยวของกันอย่างไร

“การนั่งสมาธิเป็นวิธิที่มีประสิทธิภาพเลยทีเดียวในการช่วยลดน้ำหนัก” Libshtein บอกเราว่าทำไมการนั่งสมาธิถึงมีประสิทธิภาพขนาดนั้น มันจะช่วย”ปรับแนวความคิดและความมีสติให้เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงที่เราต้องนำมาใช้กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา” เขาอธิบายว่าการมีสติที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่รวมไปถึงการควบคุมความต้องการในการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์จะเป็นการเตือนนิสัยที่ทำเป็นประจำว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร
พฤติกรรมที่เพิ่มน้ำหนักเช่นการกินตามใจปากนั้น การทำสมาธิสามารถช่วยให้คุณตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ได้มากขึ้นและด้วยการฝึกฝนจะทำให้คุณมีสติในการกินช่วยให้คุณมีนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหารและผอมลงได้
แต่การทำสมาธิให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า “ การทำสมาธิสามารถลดระดับฮอร์โมนความเครียดได้โดยตรง” Libshtein อธิบาย
ฮอร์โมนความเครียดเช่นคอร์ติซอลจะทำการส่งสัญญาณให้ร่างกายของเราสะสมแคลอรี่จะกลายเป็นไขมัน หากคุณมีคอร์ติซอลจำนวนมากจะทำให้การลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องยากแม้ว่าคุณจะเลือกทานอาหารที่ที่ดีต่อสุขภาพก็ตามแล้วก็ตาม
เรารู้ดีว่ามันอาจจะฟังดูแล้วเป็นเรื่องยาก; คนเรานั้นล้วนแล้วแต่มีความเครียดและมันก็ยากมากที่จะสลัดความเครียดนั้นทิ้งไป แต่หากคุณใช้เวลาเพียงแค่ 25 นาทีในการนั่งสมาธิเป็นเวลา 3 วัน รู้ไหมว่ามันจะช่วยลดความเครียดได้ดีทีเดียวเลย อ้างอิงมาจากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Arnegie Mellon University
และจากข้อเท็จจริงที่พบจากการวิจัยจากผู้เข้าร่วมโครงการแสดงให้เห็นว่า “สมาธิสามารถเพิ่มความสนใจความผ่อนคลาย ความสงบ การรับรู้ร่างกายและจิตใจและการทำงานของสมองให้ดีขึ้นได้” หลังจากการทดลองสั้น ๆ นาย Yi-Yuan Tang นายกสมาคมประสาทวิทยา และศาสตราจารย์ในภาควิชาวิทยาศาสตร์จิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสเทค ได้ให้แง่คิดว่า การควบคุมตนเองของคุณอาจเพิ่มขึ้นด้วยการฝึกฝนทุกวัน นักวิจัยพบว่าส่วนต่างๆ ของสมองหลังจากการทำสมาธิสามารถช่วยให้เราควบคุมตัวเองได้ นั่นหมายความว่าการทำสมาธิสองสามนาทีต่อวันอาจทำให้ง่ายขึ้นในการที่จะปฎิเสธคุ้กกี้หรือหลีกเลี่ยงไอศครีมเมื่อรู้สึกหดหู่
แล้วเราจะเริ่มนั่งสมาธิเพื่อการลดน้ำหนักได้อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นใครคุณก็สามารถเริ่มฝึกการนั่งสมาธิได้ และการนั่งสมาธิไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริม หรือต้องจ่ายค่าคอร์สเรียนราคาแพง แต่สิ่งที่ยากที่สุดนั่นคือหลายคนอาจจะไม่มีเวลาสักเท่าไหร่นัก ลองเริ่มต้นที่เวลาสั้น ๆ สัก 10 นาทีต่อวันสิ
และในช่วงเวลา 10 นาทีนี้นั้น คุณควรจะอยู่ในที่ที่มีความเงียบสงบ หรือถ้าหากคุณมีลูกน้อยล่ะก็ลองทำช่วงหลังตื่นนอน หรือหลังจากลูก ๆ ของคุณเข้านอนแล้วสิ หรือแม้แต่ในห้องน้ำตอนอาบน้ำคุณก็ทำได้นะ
และเมื่อคุณได้อยู่ในที่ที่เงียบสงบแล้ว คุณควรอยู่ในท่าที่สบาย ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนก็สามารถทำได้ หลังจากนั้นให้โฟกัสที่ลมหายใจของคุณ รู้สึกถึงลมหายใจ หน้าอกและท้องที่เคลื่อนไหวเมื่อคุณหายในเข้าหรือออก ฟังเสียงของลมหายใจ ทำอย่างนี้หนึ่งถึงสองนาทีจนคุณรู้สึกผ่อนคลาย

ทำตามขั้นตอนต่อไปดังนี้:
- สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค้างไว้
- ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ทำซ้ำกันไป
- หายใจอย่างธรรมชาติ
- สังเกตลมหายใจของคุณเมื่อเข้าสู่จมูก รู้สึกถึงหน้าอกหรือท้องที่ขยับ
- ดูลมหายใจไปเรื่อย ๆ 5-10 นาที
- หากคุณมีความคิดฟุ้งซ่านเข้ามาให้รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ และให้รู้ว่าเราคิดแล้วกลับไปตามดูลมหายใจต่อ
เมื่อคุณเริ่มต้นการมีอาการวอกแวกอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย เพียงแค่รู้ถึงสติและดึงมันกลับมาให้จับอยู่ที่ลมหายใจดั่งเดิม
ลองทำไปเรื่อย ๆ โปรดจำไว้ว่ามันอาจไม่ได้ผลในสองสามครั้งแรกที่คุณทำ แต่ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอมันจะง่ายขึ้นและเริ่มรู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การนั่งสมาธิในตอนเช้าเพื่อการลดน้ำหนัก

ช่วงเวลาตอนเช้าอาจจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการสงบจิตใจ และเริ่มนั่งสมาธิในเวลานี้ และเป็นเวลาที่คุณสามารถจะเติมพลังบวกให้กับตัวเองในทั้งวัน
และนี่คือเหตุผล 3 ประการที่คุณควรทำสมาธิในตอนเช้า:
- การนั่งสมาธิในตอนเช้าจะช่วยลด “ความกังวลหลังตื่นนอน” และทำให้ทั้งวันของคุณไร้ความกังวลใจ และคุณสามารถจะทำทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ได้ครบอย่างมีสติ ในทำนองเดียวกันการทำสมาธิในตอนเช้าสามารถลดความกังวลของคุณก่อนจะเจอหรือทำเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ได้
- การนั่งสมาธิในตอนเช้าจะช่วยให้คุณมีพลังบวก และช่วยเพิ่มระดับอารมณ์และการเข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ดีและมีความสุขขึ้น การทำสมาธินั้นเป็นวิธีเยียวยาจากธรรมชาติที่จะลดการพลังลบต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวและภายในตัวคุณ
- จะทำให้คุณเป็นคนมีสมาธิและมีความอดทนมากขึ้น นี่ผลลัพธ์ขั้นต้นที่คุณจะได้รับ หากคุณสามารถจดจ่อและตื่นตัวได้คุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนทั้งในการทำงาน หรือการเรียน รวมไปถึงกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ของคุณด้วยการนั่งสมาธิ เพียงแค่นั่งบนเสื่อ หรือจะนั่งบนเตียงก็ทำได้เช่นกัน หากคุณเริ่มนั่งสมาธิตั้งแต่ตอนเช้ารับรองได้ว่าโอกาศที่คุณจะเกิดอาการกระวนกระวายใจหรือความหงุดหงิดจะไม่เกิดขึ้นเลย ในตอนเช้านั้นความวุ่นวายจะน้อยกว่าจะไม่มีเสียงใด ๆ ที่สามารถรบกวนคุณได้
วิธีนั่งสมาธิเพื่อลดน้ำหนักที่ดีที่สุด
หายใจเข้าลึก ๆ
การหายใจของคุณมีบทบาทสำคัญของการทำงานในร่างกาย แม้แต่ครูสอนฟิตเนสได้บอกว่า วิธีที่คุณหายใจสามารถกำหนดผลลัพธ์ของการออกกำลังกายของคุณได้ การหายใจเป็นสิ่งสำคัญในการทำสมาธิ สติต้องมีสมาธิ และการควบคุมสติขึ้นอยู่กับลมหายใจของคุณ รูปแบบการหายใจเข้าและการหายใจออกของคุณเป็นสิ่งที่ทำให้สภาวะเข้าฌาน
การหายใจลึก ๆ จะนำออกซิเจนไปยังเซลล์ร่างกายของคุณ และยังช่วยดีท็อกซ์ระบบน้ำเหลือง การหายใจตื้นนั้นจะปิดกระบวนการเหล่านี้ และนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนักในที่สุด การทำสมาธิด้วยการหายใจสามารถช่วยลดน้ำหนักได้โดยการเพิ่มภาวะการเผาผลาญของคุณ
เทคนิค:
- นั่งหลังตรงและวางมือบนเข่า
- หายใจเข้าทางจมูกนับถึง 5 ให้สังเกตว่าท้องของคุณเต็มไปด้วยอากาศ
- กลั้นลมหายใจไว้สองวินาที
- ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกโดยการนับถึงห้า
- ทำซ้ำ ๆ กัน 5-10 ครั้ง

การฝึกลมหายใจในตอนเช้า
นี่เป็นเทคนิคการหายใจที่ยอดเยี่ยมในตอนเช้าเมื่อกล้ามเนื้อของคุณแข็งและคุณยังไม่ตื่นเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคนิค:
- จัดท่ายืนและเริ่มงอไปข้างหน้าจากสะโพกโดยให้เข่างอเล็กน้อย ผ่อนคลายแขนไม่ต้องเกรง
- หายใจเข้าลึก ๆ ทางจมูกแล้วค่อย ๆ ยืดหลังให้ตรง
- กลั้นหายใจสักสองวินาทีในขณะที่คุณกำลังยืนอยู่
- เมื่อหายใจออกให้เริ่มทำท่าที่เริ่มต้นอีกครั้งและทำซ้ำ ๆ กัน 5-10 ครั้ง

การหายใจแบบ 4-7-8
เป็นวิธีการหายใจด้วยท้องซึ่งมักฝึกในการทำสมาธิ การหายใจ 4-7-8 เป็นวิธีที่ดีในการผ่อนคลายและสงบสติอารมณ์ นอกจากนี้ยังสามารถรักษาอาการนอนไม่หลับและช่วยให้การนอนหลับเป็นเวลานานขึ้น
เทคนิค:
- จัดท่าที่สบายในท่านั่งหรือนอน
- แตะฟันบนด้วยปลายลิ้น
- หายใจเข้าทางจมูกเป็นนับถึง 4
- กลั้นหายใจนับถึง 7
- หายใจออกทางปากนับเป็น 8 โดยให้ลิ้นอยู่ในตำแหน่งเดิม
- ทำซ้ำกัน 5-10 ครั้ง

การหายใจแบบ Roll Breathing
เป็นการหายใจแบบการใช้หน้าท้องที่เป็นเทคนิคขั้นสูง เพื่อให้เรามีการควบคุมสติและลมหายใจอยู่เสมอ มันอาจจะค่อนข้างท้าทายสำหรับผู้เริ่มต้น แต่การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเป็นเชี่ยวชาญได้อย่างแน่นอน ในวิธีนี้อาจจะทำให้มีอาการเกรงระหว่างการหายใจ แต่รับรองว่าผลตอบแทนจะคุ้มค่าแน่นอนเนื่องจากวิธีนี้จะช่วยลดระดับความเครียดและความวิตกกังวลได้แล้วยังสามารถปรับปรุงการทำงานของปอดได้ด้วย และช่วยให้คุณผอมลง ฯลฯ
เทคนิค:
- จัดท่านั่งหรือนอนให้สบาย
- วางมือซ้ายไว้ที่หน้าท้องและมือขวาวางบนหน้าอก
- หายใจเข้าลึก ๆ ทางจมูกเข้าท้องแล้วหายใจออกทางปากปล่อยลมออกจากท้อง ทำซ้ำ 10 ครั้ง หน้าอกของคุณไม่ควรขยับ
- หายใจเข้าท้องและย้ายอากาศเข้าสู่หน้าอกของคุณ หายใจออกปล่อยลมออกจากหน้าอกและท้อง ทำต่อไปแบบนี้ประมาณ 3-5 นาที
ข้อควรระวัง:
คุณอาจรู้สึกเวียนหัวในระหว่างการฝึกหายใจ ดังนั้นหากคุณเป็นมือใหม่ เมื่อฝีกแล้วรู้สึกไม่สบายตัว ให้เริ่มหายใจช้าลงหรือหยุดทำก่อน

การฝีกสมาธิแบบจักระ
การทำสมาธิจักระจะเปิดใช้งานจักระทั้ง 7 จักระประกอบด้วย มูลธาร หรือที่เรียกว่ารากจักระ สวาธิษฐาน ตั้งอยู่บริเวณไขสันหลัง มณีปุระ อนาหตะ วิศทะ อะชะ หรือตาที่สาม และสหัสสราระ หรือคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสมาธิจักระช่องมีความเชื่อว่ามีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักของคุณ จักระนี้ตั้งอยู่ในช่องท้องส่วนบนของคุณและมุ่งสู่การเอาชนะความประหม่าได้
เทคนิค:
- จัดท่านั่งและวางมือบนเข่าโดยให้ฝ่ามือของคุณหงายขึ้น
- หลับตาและเริ่มหายใจเข้าและหายใจออกช้าๆ นึกเห็นภาพแสงอันอบอุ่นสว่างไสวที่เติมเต็มร่างกายของคุณทีละขั้นตอน แสงจะต้องเป็นสีเหลืองเพราะถือว่าเป็นสีของจักระช่องท้อง คือแสงอาทิตย์
- “ หยุด” แสงในช่องท้องส่วนบนค้างไว้ รู้สึกว่าร่างกายของคุณผ่อนคลายและรับพลังงานใหม่
- ลองนึกภาพแสงสีเหลือง“ สาด” ลงบนพื้นแล้วกลับเข้าสู่ร่างกายของคุณอีกครั้ง นึกให้เห็นภาพนี้หลาย ๆ ครั้ง
- เพื่อจบการฝึกนี้ให้นึกว่าแสงกลับลงไปสู่พื้นและลืมตาขึ้น

จินตภาพบำบัด
จินตภาพบำบัดคือการฝีกลมหายใจ โดยการจินตนาการไปยังที่แห่งหนึ่งในจินตนาการของคุณ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรู้สึกถึงความสงบในร่างกายและจิตใจ การหายใจตามวิธีจินตภาพบำบัดนั้นสามารถช่วยเรื่องการลดน้ำหนักได้และสามารถลดความตึงเครียดและอาการเจ็บปวดได้เช่นกัน
วิธีฝึกจินตภาพบำบัด:
- นั่งลงในท่าที่สบายแล้วปิดตาลง
- จินตนาการว่าเราอยู่ในที่ที่สวยงามที่ที่เราอยากไป
- โฟกัสกับภาพจินตนาการของเรา เสียงรอบข้างไม่ว่าจะเป็นเสียงนกร้อง เสียงใบไม้หวิว
- เมื่อทำเสร็จแล้วให้หายใจเข้าลึก ๆ แล้วลืมตาขึ้น
คุณสามารถฝึกจินตภาพบำบัดได้นานเท่าที่คุณต้องการ หรือเพียง 5 นาทีก็ได้

สิ่งที่ทำคัญที่สุดคือ
การนั่งสมาธิ โดยเฉพาะการฝึกจิตใจสามารถเป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนัก เนื่องจากสิ่งนี้อาจจะสามารถปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานอาหารของคุณได้ รวมไปถึงความรู้สึกของคุณที่มีเกี่ยวกับน้ำหนักตัว ลองเริ่มนั่งสมาธิที่วันละ 10 นาทีดูสิ
แหล่งที่มา: https://betterme.world/articles/meditation-for-weight-loss/
แหล่งที่มา: https://www.womansworld.com/posts/health/everything-you-need-to-know-about-meditation-and-weight-loss-120305
แหล่งที่มา: https://greatist.com/health/meditation-for-weight-loss#Bottom-line-
แหล่งที่มา: https://aaptiv.com/magazine/meditation-for-weight-loss
แหล่งที่มา: https://www.healthline.com/health/meditation-for-weight-loss#takeaway
ความคิดเห็น: 0